เขียนโดย คุณ Paranoid @ PZecret + NO-BD
การปิดการทำงานของบริการ หรือ services ที่ไม่จำเป็นในวินโดวส์ XP ..
Original Post โดย ... คุณแจ่มใส
ตัวอย่างนี้จะแสดงการปิดการทำงานของบริการที่ชื่อ Messenger ซึ่งเป็นเป็นบริการที่ให้ผู้ใช้ส่งข้อความ popup ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย
โดยบริการนี้เองที่ถูก Spammer ส่งโฆษณาต่างๆ เข้ามาในเครื่อง ดังนั้นจึงต้องปิดการทำงานของบริการนี้ โดยมีขั้นตอนดังนี้
1. คลิกเมนู Start > Run ที่หน้าต่าง Run พิมพ์คำสั่ง services.msc แล้วคลิก OK จะปรากฏหน้าต่างโปรแกรม Services
2. คลิกเม้าส์ขวาที่ชื่อบริการที่ต้องการจะปิดการทำงาน ในที่นี้คลิกที่ Messenger เลือกคำสั่ง Stop
3. คลิกเม้าส์ขวาที่ชื่อบริการที่ต้องการจะปิดการทำงานอีกครั้ง เลือกคำสั่ง Properties จะปรากฏหน้าต่าง Properties ของบริการนั้น
4. คลิกที่แท็บ General ในส่วนของ Startup type เลือก Disabled คลิกปุ่ม OK เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงในหน้าต่าง Properties
5. ปิดหน้าต่างโปรแกรม Services
6. ทำการ Restart เครื่องเพื่อดูผลการเปลี่ยนแปลง ให้สังเกตุความเร็วในการ Boot เครื่อง
ปิดบริการ หรือ services ที่ไม่จำเป็น ..
Service เป็นโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่จะเปิดทำงานอยู่เบื้องหลังขณะที่เครื่องกำลังทำงาน ระบบปฏิบัติการ Windows มีบริการต่างๆ มากมายที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง โดยกำหนดให้เป็นฟังก์ชันพื้นฐานของระบบการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย Visual Support และการติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก เช่น บริการเกี่ยวกับเครื่องพิมพ์ (Printer) เป็นประเภทหนึ่งของการบริการที่ Windows จัดเตรียมไว้ให้ แต่ละบริการที่กำลังทำงานอยู่เบื้องหลังจะยึดครองทรัพยากรของเครื่อง เช่น Memory และ CPU เวลาที่ทำการ Boot ระบบปฏิบัติการบริการเหล่านี้จะถูกโหลดด้วย ทำให้เครื่องทำงานช้าลง โดยส่วนมากแล้วจะมีเกือบ 20 บริการที่ถูกบันทึกให้โหลดในขณะ Startup การบริการเหล่านี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ ดังนั้นจึงต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับบริการต่างๆ ว่ามีการทำงานอย่างไร เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจและสามารถปิดการทำงานของบริการต่างๆ ได้ โดยบริการที่ Windows XP ใช้มีดังนี้
Automatic Updates +++
ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งอัพเดทแบบอัตโนมัติ ซึ่งการปิดการทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ
แต่บริการนี้จะใช้อัพเดทข้อมูลเป็นประจำ ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ปิดการทำงานของบริการนี้
Background Intelligent
เป็นบริการที่ใช้ถ่ายโอนข้อมูลอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการปิดการทำงานของบริการนี้ จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ
แต่จะทำให้บริการอื่นๆ เสียหายได้ เช่น Automatic Updates ดังนั้นจึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Com+Event System
เป็นการควบคุมเหตุการณ์พื้นฐานของระบบที่เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น log on and log off
Computer Browser
เก็บ Track ของคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ที่กำลังทำงานอยู่บนระบบเครือข่าย โดยแสดงรายชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์เมื่อมีการเปิด Workgroup My Network Places การปิดบริการนี้ไม่เป็นอันตรายกับระบบ สามารถปิดการทำงานได้ถ้าไม่มีการเปิดใช้ระบบเครือข่าย
Cryptographic Services
เป็นการจัดการด้านความปลอดภัยขั้นพื้นฐานของระบบ โดยจะรวบรวมใบรับรองของไฟล์เป็นฐานข้อมูลไว้ เพื่อใช้ตรวจสอบกับไฟล์ที่นำมาติดตั้งว่ามีความถูกต้องหรือไม่ การปิดทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่บริการนี้จำเป็นสำหรับการติดตั้งโปรแกรมที่สามารถเข้ากันได้กับ Microsoft ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ปิดการทำงาน เพราะจะทำให้ไม่มีการอัพเดท Windows และไม่สามารถติดตั้งอัพเดทใหม่ๆ ของโปรแกรมต่างๆ ได้
DCOM Server Process Launcher
เป็นพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงการเริ่มต้นของบริการอื่นๆ การบริการอื่นๆ ที่เปิดทำงานจะเรียกใช้บริการนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
DHCP Client
จัดเตรียมการแจกจ่าย IP address ให้กับเครื่องต่างๆ แบบ Dynamic
ถ้าปิดการทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ
แต่บริการนี้จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ตั้งค่า IP address ให้เป็นแบบ Manual
Distributed Link Tracking Client
เก็บ Track ของการลิงค์ไฟล์บน NTFS บนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้เอง หรือผ่านระบบเครือข่าย
บริการนี้สามารถปิดการทำงานได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
DNS Client
เป็นการตั้งชื่อโดเมนใน IP Address ถ้าปิดการทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่จะไม่สามารถเปิดการใช้งาน Internet ได้
Error Reporting Service +++
เป็นบริการที่ยอมให้ผู้ใช้รายงานความล้มเหลวของโปรแกรมโดยตรง และส่งให้ Microsoft แก้ไขจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจาก Software สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Event Log
เป็นบริการที่ยอมให้แสดงข้อความเหตุการณ์ สามารถบันทึกและเรียกดูได้โดยใช้ Event Viewer
บริการนี้เป็นส่วนสำคัญของระบบ จึงไม่สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้
Fast User Switching Compatibility +++
ผู้ใช้สามารถสลับไปใช้งานในหน้าจอผู้ใช้คนอื่นที่ใช้ระบบเดียวกันได้ โดยไม่ต้อง Log Off เครื่อง
สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Help and Support +++
เป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของผู้ใช้ สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
HTTP SSL
เป็นการจัดการด้านความปลอดภัยในการถ่ายโอนข้อมูลบน HTTP สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Indexing Service
เป็นบริการที่ช่วยค้นหาตำแหน่งของข้อมูลใน Hard Disk โดยสร้างเป็นฐานข้อมูล Index ไว้
สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับ ถ้าไม่มีการค้นหาข้อมูล
IPSEC Service
ให้บริการด้านความปลอดภัยของ IP ที่ใช้เชื่อมต่อกับ IP ตัวอื่นๆ ซึ่งสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Logical Disk Manager
ค้นหาและตรวจสอบอุปกรณ์ Hardware ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ ถ้าไม่มีการใช้งานส่วนนี้ สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Machine Debug Manager
จัดการสนับสนุนโปรแกรมและ script debug ซึ่งสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Messenger +++
เป็นบริการที่ให้ผู้ใช้ส่งข้อความ popup ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย โดยบริการนี้เองที่ถูก Spammer ส่งโฆษณาต่างๆ เข้ามาในเครื่อง ดังนั้นจึงขอแนะนำให้ปิดการทำงานของบริการนี้
Network Connections
จัดเตรียมการสนับสนุนการติดต่อระบบเครือข่าย การปิดการทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่ไม่แนะนำให้ปิดการทำงานของบริการนี้
Network Location Awareness (NLA)
จัดเตรียมการบริการให้คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อ Internet ร่วมกันได้
แต่ถ้าไม่มีการเชื่อมต่อ Internet ในลักษณะนี้สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Plug and Play
ยอมให้คอมพิวเตอร์สามารถค้นหาอุปกรณ์ได้โดยอัตโนมัติ บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่สามารถปิดการทำงานได้
Portable Media Serial Number Service
ใช้ในการค้นหารหัสของอุปกรณ์สื่อภายนอก สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Print Spooler
จัดเตรียมบริการในการ Print การปิดการทำงานของบริการนี้ไม่เป็นอันตรายกับระบบ
แต่บริการนี้จำเป็นสำหรับการ Print ของเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Protected Storage
จัดเตรียมความปลอดภัยขั้นพื้นฐานให้กับระบบแฟ้ม บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Remote Procedure Call (RPC)
จัดเตรียมการบริการสำหรับการบริการอื่นๆ บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Remote Registry (Not included in XP Home) +++
ยอมให้ระบบ Registry ถูกเชื่อมต่อในระยะไกลได้ สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Secondary Logon
เป็นบริการเริ่มต้นที่ใช้แสดงรายชื่อผู้ใช้ที่มีหลายคน บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Security Accounts Manager
เป็นฐานข้อมูลของผู้ใช้ภายใน บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Security Center
เป็นการตรวจสอบตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ โดยจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อการตั้งค่าไม่ปลอดภัย
ถ้าผู้ใช้ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ควรเปิดการทำงานของบริการนี้ไว้ เพื่อให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยที่ดี
Server
จัดเตรียมความสามารถในการใช้ไฟล์ข้อมูลและ Printer ร่วมกันบนเครือข่าย
สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้เพราะไม่เป็นอันตรายกับระบบ ถ้าไม่มีการใช้ไฟล์ร่วมกันบนเครือข่าย
Shell Hardware Detection
ใช้ในการค้นหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกแบบอัตโนมัติ ถ้าไม่มีการใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอก
เช่น External Hard Drive หรือ Memory Card สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้
SSDP Discovery Service
เป็นการค้นหา Universal Plug and Play ที่ใช้บนระบบเครือข่ายซึ่งสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
System Restore Service
เก็บ Track ของการเปลี่ยนแปลงที่ทำไว้ในระบบ โดยเมื่อต้องการย้อนการทำงานกลับมา ณ จุดใดจุดหนึ่ง สามารถเรียกใช้บริการนี้ได้ ซึ่งการปิดการทำงานของบริการนี้จะไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่ไม่แนะนำให้ปิดการทำงานของบริการนี้
Task Scheduler
ยอมให้ผู้ใช้เปลี่ยนแปลงตารางเวลาและแก้ไขงานต่างๆ ได้ ถ้าไม่ได้ใช้งาน Task Scheduler สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
TCP/IP NetBIOS Helper
ยอมให้ NetBIOS ซึ่งเป็นโปรโตคอลของเครือข่ายทำงานบนโปรโตคอล TCP/IP ได้ ถ้าไม่มีการใช้งานโปรโตคอล NetBIOS สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Terminal services
ยอมให้ผู้ใช้ติดต่อกับคอมพิวเตอร์โดยใช้ Remote desktop การปิดการทำงานของบริการนี้ไม่เป็นอันตรายกับระบบ
แต่จะถูกใช้โดย Remote Assistance Help Feature โดยสามารถปิดการทำงานได้ ถ้าไม่มีการใช้ Remote Assistance Feature
Themes
เป็นบริการที่ทำให้ Windows มีหน้าจอสวยงามขึ้น
โดยการใช้ Visual styles ในการปรับให้มีหน้าจอแบบต่างๆ โดยสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
WebClient
เป็นการเพิ่มการสนับสนุนการจัดการไฟล์ฐานข้อมูลบนเว็บให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น WebDev ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้ใช้บริการนี้ ซึ่งสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Windows Audio
จัดเตรียมเสียงเพื่อสนับสนุนการทำงานของระบบปฏิบัติการ ถ้าไม่ต้องการให้มีเสียง สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Windows Firewall/Internet Connection Sharing (ICS)
ปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์จากผู้บุกรุกหรือผู้ประสงค์ร้ายที่จะเข้ามาโจมตีเครื่องคอมพิวเตอร์
โดยผ่านทางการเชื่อมต่อ Internet และจะแพร่ขยายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ บนระบบเครือข่าย
โดยการปิดการทำงานของบริการนี้ไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่ไม่แนะนำให้ปิดการทำงาน
นอกจากเครื่องคอมพิวเตอร์จะมีการติดตั้งโปรแกรม Firewall ตัวอื่นๆ ที่สามารถป้องกันการบุกรุกนี้ได้
Windows Image Acquisition (WIA)
ใช้เมื่อได้รับข้อมูลจากอุปกรณ์เกี่ยวกับรูปภาพ เช่น Scanner หรือกล้อง
ถ้าไม่มีการใช้งานอุปกรณ์เกี่ยวกับรูปภาพ สามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้โดยไม่เป็นอันตรายกับระบบ
Windows Management Instrumentation
จัดเตรียมคำแนะนำในการใช้ระบบ ซึ่งบริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Windows Time
เป็นบริการที่ใช้ตั้งเวลาของเครื่องให้ตรงกับเวลาจริง ซึ่งสามารถปิดการทำงานของบริการนี้ได้ ถ้าไม่ต้องการ
Wireless Zero Configuration
แก้ไขอุปกรณ์ไร้สาย 802.11 ถ้าผู้ใช้มีการติดตั้งอุปกรณ์ไร้สาย สามารถปิดการทำงาของบริการนี้ได้
Workstation
ยอมให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ และ Server ได้
โดยการปิดการทำงานของบริการนี้ไม่เป็นอันตรายกับระบบ แต่จำเป็นต้องใช้เพราะเป็นพื้นฐานการทำงานของระบบเครือข่าย
Special Thanks: คุณแจ่มใส และคอมไทย... Our best friend!!
BY : [UrL]http://www.justusers.net/knowledges/Run-CloseServices/run-closeservices.htm[/UrL]
+++++++++++++
รายชื่อเซอร์วิสของ Windows XP ที่สามารถปิดได้มีดังนี้
• Alerter
• Automatic Updates
• Background Intelligent Transfer Service
• ClipBook
• Computer Browser +++ Stop แล้ว เปืด Automatic
• Error Reporting Service
• Help and Support
• Indexing Service
• Messenger
• NetMeeting Remote Desktop Sharing
• Network DDE
• Network DDE DSDM
• Performance Logs and Alerts
• Portable Media Serial Number
• QOS RSVP
• Remote Desktop Help Session Manager
• Remote Registry
by http://www.oknation.net/blog/print.php?id=380141
++++++++++++++
Service ถือว่าเป็นรูปแบบการทำงานของโปรแกรมภายในวินโดวส์อย่ างหนึ่ง โปรแกรมที่อยู่ในกลุ่ม Service นี้จะคอยทำหน้าที่ช่วยเหลือผู้ใช้ในด้านที่มันรับผิด ชอบ โดยจะคอยทำงานอยู่เบื้องหลัง จะว่าไปก็เหมือนกับโปรแกรมที่ทำงานในลักษณะ Background นั่นเอง แล้วคุณลองคิดถึงซิครับว่าถ้ามี Service ทำงานอยู่ประมาณ 30 ตัว เครื่องจะช้าลงขนาดไหน ทั้งๆ ที่คุณอาจจะได้ใช้งานมันไม่ถึง 10 ตัวเลยด้วยซ้ำไป
เปิดใช้ Service ให้พอเพียง อย่างเพียงพอ
สมัยนี้เป็นยุคพอเพียงครับ ดังนั้นเราจึงควรจะต้องปิด Service ที่ไม่จำเป็นทิ้ง เพื่อให้คอมพิวเตอร์เอาเวลาที่ต้องไปประมวลผล Service เหล่านี้มาประมวลผลงานที่เราทำจะดีกว่า มาถึงนี้เราจะเข้าไปปิด Service ได้อย่างไร แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าตัวไหนใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง เราจะไปดูพร้อมๆ กันเลยครับ
วิธีในการเข้าไปจัดการกับ Service
สำหรับ Service ในวินโดวส์นั้น คุณสามารถที่จะเข้าไปจัดการมันได้โดยมีวิธีการคือไปท ี่ปุ่ม Start แล้วเลือกคำสั่ง Run จากนั้นพิมพ์ service.msc ลงไปแล้วกดปุ่ม OK หน้าต่าง Service ก็จะรันขึ้นมาครับ โดยในนั้นจะมี Service มากมายในคุณได้ปรับการทำงาน (Startup Type) โดยจะแบ่งรูปแบบการตั้งค่าดังนี้
Automatic ให้เริ่มทำงานโดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คุณเปิดเครื่อง และบูตเข้าสู่วินโดวส์
Manual ไม่ให้เริ่มทำงานเอง แต่จะสามารถสั่งให้หยุดหรือเริ่มการทำงานได้โดยผู้ใช ้เอง หรือโปรแกรมบางตัว
Disable เป็นการปิดการทำงานของ Service ไม่ให้เริ่มการทำงาน
โหมด Startup ของ Service มีอยู่ด้วยกันหลัก 3 แบบแล้วแต่รูปแบบการใช้งาน
Service ไหนปิดได้บ้าง
เนื่องจาก Service ของระบบวินโดวส์มีอยู่มากมาย บางตัวเป็น Service ของโปรแกรมต่างๆ ที่เราติดตั้งไว้ และบางตัวก็เป็น Service ของระบบเอง ดังนั้นจึงต้องทราบก่อนว่า Service ไหนเป็นของอะไรและจะต้องใช้งานหรือไม่ จึงค่อยตัดสินใจปิดนะครับ เราไปดูกันเลยดีกว่ามี Service อะไรบ้างที่น่าจะปิดกันได้
ใช้คำสั่ง Run แล้วพิมพ์ services.msc เพื่อเข้าสู่หน้าจอ Service
หน้าจอ Service จะมีรายชื่อของ Service ในเครื่องคุณมากมาย
ดับเบิลคลิกที่ชื่อ Service เพื่อตั้งค่าเกี่ยวกับ Service นั้น
คุณสามารถคลิกขวา แล้วสามารถเลือก Start และ Stop เพื่อเริ่มและหยุดการทำงานของ Service ได้ทันที
AdobeLM Service: เป็น Service ของ Adobe ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรครับ ถ้าใครมีตัวนี้อยู่ก็ปิดได้เลย
Alerter: ตัวนี้ถ้าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายก็สามาร ถปิดได้เลย
Application Management: สำหรับตัวนี้ไม่แนะนำให้ปิดครับ แต่ให้เปลี่ยนเป็น Manual แทน
+++ Automatic Updates: Service สำหรับ Windows Update ครับ ม่ควรปิดนอกเสียจากว่าคุณจะใช้วิธีการอัพเดตแบบ Offline อย่างโปรแกรม AutoPatcher แทนครับ
ClipBook: เป็นตัวสำหรับแชร์บางอย่างบนเครือข่าย ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ปิดซะ
Computer Browser: ปิดอีกตัวถ้าไม่ได้ต่อกับเครือข่ายเหมือนกัน เพราะมันไว้สำหรับเข้าไปดึงไฟล์จากเครื่องอื่น
Cryptographic Services: ตัวนี้เป็นการเข้ารหัส ถ้าไม่แน่ใจว่าจำเป็นไหมก็ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
Distributed Transaction Service: ตั้งค่าไว้เป็น Manual
DNS Client: ตัวนี้เปลี่ยนเป็น Manual ไปก็ได้ครับถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย
+++ Error Reporting Service: เวลามีโปรแกรมแฮงก์แล้วให้กดปุ่ม Don’t Sent ก็เพราะเจ้า Service ตัวนี้แหละครับ ดังนั้นปิดมันไปเลย
+++ Fast User Switching Compatibility: สำหรับเครื่องที่มีแรมน้อยปิดไปเลยดีกว่าครับ เพราะ Fast User Switching มีไว้สำหรับการสลับการทำงานของ User โดยไม่ต้อง Logout ก่อน ถ้าคุณมีหรือใช้แค่ User เดียวอยู่แล้วก็ปิดไปเลยครับ
FTP Publishing: ถ้าไม่ได้ใช้ FTP ก็ปิดได้เลยครับ
+++ Help and Support: ถ้าคุณไม่เคยใช้ Help ของ Windows เลย (ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ใช้) ปิดไปเลยดีกว่าครับ
HTTP SSL: ตั้งไว้เป็น Manual ครับ เผื่อต้องใช้เวลาเข้าเว็บที่มี Secure Login อย่างเว็บ E-Banking
Human Interface Device Access: ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Hot-key หรือ remote system ก็ปิดไปก็ได้ครับ
IMAPI CD-Burning COM Service: Service สำหรับคนที่ใช้ไดรฟ์เขียนแผ่น CD/DVD ไม่ควรปิด แต่ตั้งไว้เป็น Manual จะดีกว่า เพื่อประหยัดเมมโมรี
Indexing Service: ตัวนี้เป็น Service ที่กินทรัพยากรสูงมาก สำหรับทำ Index ในการค้นหาข้อมูลในเครื่อง ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้ใช้ฟังก์ชันค้นหาของวินโดวส์เลย ก็ปิดมันไปได้เลย เครื่องจะเร็วขึ้นอีกเยอะ
InstallDriver Table Manager: ตัวนี้ปิดไปได้เลยเหมือนกันครับ ไม่ส่งผลต่อการทำงาน
IPSEC Services: ตั้งไว้เป็น Manual ดีกว่า
Windows Messenger: ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Windows Messenger (ไม่ใช่ MSN Messenger หรือ Windows Live Messenger นะครับ) ก็รีบปิดไปเลยครับ เพราะมันกินแรมเยอะมาก
MS Software Shadow Copy Provider: อันนี้ตั้งค่าให้เป็น Manual ครับ
Net Logon: อันนี้เปิดได้เลยครับถ้าไม่ได้เชื่อมต่อระบบเครือข่า ย
NetMeeting Remote Desktop Sharing: สำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ Remote Desktop อยู่แล้วก็ปิด Service นี้ไปได้เลยครับ
Network Provisioning Service: ถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายก็ปิดอีกเหมือนกัน
NT LM Security Support Provider: ปิดไปได้อีก 1 ตัวเลยครับ ถ้าไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายก็ปิดอีกเหมือนกัน
NVIDIA Display Driver Service: สำหรับคนใช้การ์ดจอ nVidia แล้วไม่ได้เปิดใช้ nVidia Desktop ก็ปิดดีกว่าครับ
Office Source Engine: ตัวนี้ปิดไปได้อีกเหมือนกัน ใช้ในกรณีที่ MS Office ของคุณมีปัญหาแล้วต้องการซ่อมแซมไฟล์ระบบ ซึ่งคุณสามารถใช้แผ่น CD ติดตั้งที่มีอยู่มาแทนได้อยู่แล้ว
Portable Media Serial Number Service: ตัวนี้ตั้งไว้เป็น Manual ครับเพราะเราน่าจะใช้สื่อแบบพกพากันบ่อยอยู่แล้ว
Print Spooler: ถ้าคุณไม่ได้มีพรินเตอร์ก็ปิดไปได้อีกแล้ว
Protected Storage: ปิดไปเลยครับ ถ้าคุณไม่ได้ให้คนแปลกหน้ามานั่งเครื่องคุณอยู่แล้ว
Remote Desktop Help Session Manager: เป็นอีกหนึ่งตัวที่ถ้าคุณไม่ได้ใช้ Remote Desktop ก็ปิดไปจะดีกว่า ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
Remote Procedure Call Locator: อันนี้ให้ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
Remote Procedure Call (RPC)
จัดเตรียมการบริการสำหรับการบริการอื่นๆ บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
+++ Remote Registry: รีบปิดไปเลยครับ Service นี้ ถ้าเปิดไว้อาจจะเป็นภัยในภายหลังได้
Removable Storage: ตัวนี้ไม่ควรปิดครับเพราะเราใช้พวกแฟลชไดรฟ์อยู่แล้ว อย่างดีก็แค่ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
+++ Routing and Remote Access: อันนี้ให้ตั้งเป็น Manual ครับ
Secondary Logon: เป็นบริการเริ่มต้นที่ใช้แสดงรายชื่อผู้ใช้ที่มีหลายคน บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Security Accounts Manager: ปิดไปเลยก็ได้ครับไม่ได้ใช้อยู่แล้วนอกจากจะใช้การเข ้ารหัสบน NTFS เป็นฐานข้อมูลของผู้ใช้ภายใน บริการนี้เป็นบริการที่สำคัญของระบบ จึงไม่ควรปิดการทำงานของบริการนี้
Security Center
เป็นการตรวจสอบตั้งค่าความปลอดภัยของระบบ โดยจะแจ้งให้ผู้ใช้ทราบเมื่อการตั้งค่าไม่ปลอดภัย
ถ้าผู้ใช้ไม่แน่ใจเกี่ยวกับความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ ควรเปิดการทำงานของบริการนี้ไว้ เพื่อให้มีการจัดการด้านความปลอดภัยที่ดี
Server: ถ้าคุณไม่ได้ต่อกับเครือข่ายก็ปิดไปอีกตัวหนึ่งครับ
Smart Card: ไม่มีค่อยมีใครใช้ Smart Card กับเครื่องที่บ้านใช่ไหมครับ ดังนั้นปิดไปเถอะ
SSDP Discovery Service: ใช้สำหรับรองรับอุปกรณ์เครือข่ายแบบ UPnP ดังนั้นไม่มีก็ปิดครับ
Task Scheduler: ถ้าคุณไม่ได้ตั้งการทำงานอะไรไว้ที่ Task Scheduler อย่างสแกนดิสก์ หรือจัดเรียงข้อมูลก็ปิดครับ
TCP/IP NetBIOS Helper: ตั้งไว้เป็น Manual ครับตัวนี้
Telnet: ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ตามบ้าน Telnet คงไม่ใช้ ดังนั้นปิดครับ แต่ถ้าคุณชอบซนหน่อยอาจจะตั้งเป็น Manual ก็ได้
Terminal Services: ถ้าคุณไม่ใช้ Remote Desktop ก็ปิดไปอีกเหมือนกัน ตั้งไว้เป็น Manual ครับ
Uninterrupted Power Supply: ปิดไปได้เลยครับถ้าคุณไม่ได้ต่อ UPS เข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่าน COM Port
Universal Plug and Play Device Host: อันนี้ปิดไม่ได้ครับ แต่ตั้งให้เป็น Manual ได้
User Privilege Service: อันนี้ให้ตั้งเป็น Manual ครับ
+++ Volume Shadow Copy: ปิดไปได้เลยครับถ้าคุณไม่ได้ใช้ System Restore ของวินโดวส์
Windows Firewall/Internet Connection Sharing (ICS): อันนี้จะเปิดไว้ก็ได้ครับ แต่ถ้าคุณมีซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์อยู่แล้วมันจะซ้ำซ้อนก ันเล็กน้อย ดังนั้นปิดดีกว่า (ถ้าคุณมีซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์นะ)
Windows Image Acquisition (WIA): ใช้สำหรับดึงภาพออกจากกล้องดิจิตอลและสแกนเนอร์ ปิดถ้าไม่ได้ใช้
Windows Media Connect: ถ้าคุณไม่ได้มีเครื่องเล่น MP3 ที่รองรับการ Sync ข้อมูลกับ WMP ได้ก็ปิดไปได้เลยครับ
Windows Media Connect (WMC) Helper: ปิดตัวนี้ด้วยครับ มันสัมพันธ์กับตัวข้างบน
Windows Time: ถ้าไม่ได้ใช้ระบบตั้งเวลากับ Server ก็ไม่ต้องใช้ครับ
Wireless Zero Configuration: ปิดไปถ้าไม่ได้ใช้เครือข่ายไร้สาย
WMI Performance Adapters: อันนี้ก็ปิดได้ครับ สำหรับการใช้งานทั่วไป
Workstation: ปิด Service อันนี้ด้วยครับถ้าคุณไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย
ข้อควรระวัง
การแก้ไขการตั้งค่า Service ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงสูงครับ ถ้าคุณปิด Service ที่สำคัญกับระบบอาจจะทำให้การทำงานบางอย่างไม่สามารถ ทำงานได้หรือส่งผลเสียหายต่อระบบ ดังนั้นควรอ่านรายละเอียดของ Service แต่ละตัวให้ดีเสียก่อน และถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็อย่างไปปรับมัน หรือปรับเป็น Manual แทนที่ปิด เพื่อลดความเสี่ยงลง
แต่ละ Service จะมีคำอธิบายอยู่ข้างๆ ด้วย ก่อนปรับแต่ควรทำความเข้าใจว่า Service นั้นทำหน้าที่อะไร และจำเป็นต้องใช้หรือไม่
สรุป
จะเห็นได้ว่ามี Service ที่บางครั้งเราไม่ได้ใช้งานเลย หรือนานๆ ใช้ทีอยู่มากมายในเครื่องเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรของเครื่องไ ปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะคนที่ใช้คอมพิวเตอร์โดยไม่ได้เชื่อมต่อกับระ บบเครือข่ายจะเห็นว่ามี Service ที่ไม่ได้ใช้อยู่เป็นจำนวนมากเลย
ก็ถือว่าเป็นทางเลือกอีกหนึ่งทางสำหรับคนที่ต้องการเ พิ่มความเร็วให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ แน่นอนว่ามันอาจจะมีประโยชน์มากๆ แต่นั่นก็หมายความว่าคุณจะต้องเสียความสามารถบางอย่า งของวินโดวส์ไปด้วยในปิดแต่ละ Service หรือว่าถ้าตั้งเป็น Manual พอมีการใช้งานทีหนึ่งก็ต้องเสียเวลามารัน Service อีกอยู่ดี ดังนั้นได้อย่างก็ต้องเสียอย่างครับ แต่สำหรับคนที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องใช้งานอะไรบ้ างก็สามารถปิดส่วนที่ตนเองไม่ใช้งานจริงๆ และปรับเป็น Manual ในส่วนที่ใช้งานนานๆ ทีได้ เพียงแค่นี้ก็น่าจะเพิ่มความเร็วให้กับเครื่องคอมพิว เตอร์ได้อีกไม่มากก็น้อยล่ะครับ
ข้อมูลจาก : thaigaming.com + NO-BD
+++++++++++++++++
<< เทคนิคการปรับแต่ง Registry >>
เขียนโดย คุณ Amaging
โชว์ Background แบบเต็มๆด้วยการซ่อน Desktop
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDesktop ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Background Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispBackgroundPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Appearance Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispAppearancePage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Display Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispSettingsPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อนหน้า Screensaver Setting
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDispScrSavPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อน Device Manager
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\System] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDevMgrPage ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อน Drive ไม่ให้คนอื่นเห็น
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDrives ให้ Double Click ขึ้นมา เลือกใส่ค่าแบบ Decimal แล้วใส่ค่า Value Data เป็นค่าตัวเลขตาม Drive ที่ต้องการให้ซ่อนดังนี้
หากต้องการซ่อนหลายไดรว์พร้อมกัน ก็นำค่าของแต่ละไดรว์มาบวกกัน เช่น ต้องการซ่อนไดรว์ A: D: และ F: ก็ใส่ค่าเท่ากับ 41 เป็นต้น หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก และ Restart เครื่อง
ซ่อนไอคอน Network Neighbourhood
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoNetHood ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
กันไว้ไม่ให้ใครมาเพิ่ม Printer
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoAddPrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
กันไว้ไม่ให้ใครมาลบ Printer
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoDeletePrinter ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ซ่อน My Pictures ตรง Start Menu
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Policies\Explorer] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า NoSMMyPictures ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
ลบลูกศรที่ Shortcut
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CLASSES_ROOT\lnkfile] คลิก Name ที่ชื่อว่า IsShortcut แล้วกดปุ่ม Delete เพื่อลบออกไป หรือ Double Click แล้วใส่ค่าเป็น No
แสดงไฟล์ Operating System ที่ซ่อนอยู่
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> DWORD Value แล้วตั้งชื่อว่า ShowSuperHidden ให้ Double Click ขึ้นมา แล้วใส่ค่า Value Data เป็น 1 หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก หรือเปลี่ยนค่าเป็น 0 และ Restart เครื่อง
สรุป Command Line
คลิกขวาในพื้นที่ว่างๆบน Desktop ของคุณ หรือพื้นที่บริเวณว่างๆตรง Background ของคุณนั่นเอง และเลือกที่ New >> Shortcut ในช่อง Command line: ให้คุณเลือกข้อความจากด้านล่างนี้ไปใส่ตาม Shortcut ที่คุณต้องการจะสร้าง
C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\USER.EXE,ExitWindows (สำหรับการสั่ง Shutdown)
C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\SHELL32.DLL,SHExitWindowsEx 2 (สำหรับการสั่ง Restart)
C:\WINDOWS\RUNDLL32.EXE C:\WINDOWS\SYSTEM\SHELL32.DLL,SHExitWindowsEx 0 (สำหรับการสั่ง Logoff)
สำหรับ Win Xp
คลิกขาวบน Desktop เลือก New >> Shortcut จากนั้นพิมพ์
shutdown.exe -s -t 00 (สำหรับการสั่ง Shutdown)
shutdown.exe -r -t 00 (สำหรับการสั่ง Restart)
shutdown.exe -l -t 00 (สำหรับการสั่ง Logoff)
Shortcut เดียว เปิดหลายโปรแกรม
ให้เปิด Notepad ขึ้นมาค้างเอาไว้ก่อน ต่อจากนั้นไป Copy ส่วนของ Target ของ Shortcut แต่ละตัวเข้ามาไว้ใน Notepad นี้ โดยวิธีการเข้าไป Copy Target ก็คือ ให้คลิกขวาที่ Shortcut ของโปรแกรมที่ต้องการจะให้มีการเปิด แล้วเลือก Properties และที่หัวข้อ Shortcut ก็จะพบกับส่วนของ Target: ให้ทำการ Copy ข้อความในส่วนนี้มาทั้งหมด
เมื่อ Copy ได้เรียบร้อยแล้ว ให้กด Cancel ไป จากนั้นกลับมาที่ Notepad แล้วทำการวางข้อความ Target ที่ได้ Copy มาเอาไว้ใน Notepad
ข้อควรระวังในจุดนี้ก็คือ
1. เวลานำมาวางใน Notepad ต้องเว้นบรรทัดในแต่ละ Target ด้วย มิเช่นนั้นจะถือว่าผิด
2. ห้ามลบเครื่องหมายฟังหนู (") ออก ให้คุณใส่เอาไว้เช่นนั้น มิเช่นนั้นจะถือว่าผิด
จากนั้นเมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ Save ข้อมูลต่างๆใน Notepad ตัวนี้เป็น Batch File ซึ่งวิธีการ Save เป็น Batch File ก็คือ ให้ Save ไฟล์นี้ให้มีนามสกุลเป็น .bat นั่นเอง โดยจะใช้ชื่อว่าอะไรก็ได้ สำหรับในตัวอย่างนี้ จะ Save เป็นไฟล์ชื่อว่า Test.bat โดยที่ระหว่าง Save ให้กำหนด Save as type: เป็น All Files (*.*) ด้วย มิเช่นนั้นชื่อไฟล์อาจจะมี .txt ต่อท้ายด้วย ก็จะทำให้ผิด และไฟล์ๆนี้สามารถ Save ไว้ที่ Directory ไหนภายในเครื่องก็ได้
วิธีการทำให้สามารถคลิก Mouse ขวาได้ใน Web Site ที่มีการป้องกัน
ซึ่งจะเป็นการปิด Active Scripting ไม่ให้ทำงานนั่นเอง แต่การปิด Active Scripting ควรปิดชั่วคราว ไม่ควรปิดไว้ตลอด เพราะว่าพวก Script ต่างๆในแต่ละ Web Site นั้น บาง Script ก็มีประโยชน์ช่วยอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่บาง Script ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่ความน่ารำคาญ เพราะว่าถ้าปิดไม่ให้พวก Script ที่มีประโยชน์ทำงานนั้น มันก็จะกลายเป็นเรื่องไม่ดีไป บางทีอาจจะใช้งานสิ่งต่างๆใน Web Site ของเขาไม่ได้ไปเลยก็มี
วิธีการปิด Active Scripting ทำได้โดยคลิกไปที่เมนู Tools >> Internet Options จากนั้นจะพบกับหน้าต่าง Internet Properties ซึ่งที่หน้าต่างนี้ ให้คลิกเลือกไปที่หัวข้อ Security และคลิกที่ Internet หนึ่งครั้ง และกดปุ่ม Custom Level. คราวนี้จะพบกับหน้าต่าง Security Settings เลื่อนลงมาที่ส่วนของ Scripting >> Active scripting และเลือกให้เป็น Disable แล้วกด OK และตอบ Yes ไปจนเสร็จ จำเป็นที่จะต้องกด Refresh หน้าเว็บนั้นๆด้วย และลองคลิก Mouse ขวาดู ก็จะเห็นว่าคราวนี้สามารถคลิกได้แล้ว
วิธี Download เพลง, หนังที่ปกติจะให้เปิดเล่นแบบ Online
วิธีการโหลดเพลงที่ปกติจะให้เล่นแบบ Online ผ่าน Real Player มาเก็บไว้ที่เครื่องเลยนั้น สามารถทำได้โดย เริ่มต้นให้คลิกขวาตรง Link ใน Web ที่เอาไฟล์สำหรับเปิดเพลงนั้นๆ เลือกไปที่ Save Target As... และรอสักครู่ ต่อจากนั้นก็จะมีหน้าต่าง Save As ปรากฏขึ้นมา ให้ทำการ Save (ในขั้นตอนนี้จะได้ไฟล์ที่ 1 ชื่อ music8569.ram) และเมื่อเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ Notepad เปิดเจ้าไฟล์ๆนี้ขึ้นมาทันที ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาด ภายในไฟล์จะต้องเป็น URL ซึ่งอาจจะมีหลายๆ URL ก็เป็นไปได้ (หากภายในไฟล์ไม่มี URL แสดงว่า Link ที่ทำการคลิกขวาในข้อ 1 นั้นยังไม่ได้เป็น Link สุดท้าย) จะเห็นว่าไฟล์ที่ได้ทำการ Save Target As... มาเก็บไว้ที่เครื่องในตอนแรกนั้น มันจะบรรจุ URL จริงๆของไฟล์เพลง และคราวนี้เมื่อทราบ URL จริงๆของไฟล์เพลงนั้นแล้ว ก็สามารถทำการ Download ได้ (จะใช้โปรแกรมช่วยดาวน์โหลดก็ได้)
วิธีการเพิ่มความเร็วให้กับ Start Menu
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop] ต่อจากนั้นคลิกขวาที่ Folder ชื่อ Desktop นี้แล้วเลือก New >> String Value และให้เปลี่ยนชื่อเป็น MenuShowDelay เรียบร้อยแล้ว คลิกขวาแล้วเลือก Modify ที่ช่อง Value Data ให้คุณใส่เลข 1 ลงไป จากนั้นกด OK เรียบร้อยแล้ว Restart เครื่องใหม่
วิธีการสร้าง Control Panel ขึ้นมาเป็นของตัวเอง
เปิดหน้าต่าง Control Panel ปกติขึ้นมาค้างไว้ก่อน สร้าง Folder ขึ้นมาใหม่ โดยให้ไปที่ File >> New >> Folder และให้คลิกที่ Folder ที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ให้เปิดออกมา พร้อมกับเอาเจ้าหน้าต่าง Control Panel จริงๆที่เปิดเอาไว้มาวางใกล้ๆ จากนั้นให้ลากเครื่องมือที่ต้องการจากใน Control Panel จริงๆนั้นมาใส่และตอบ Yes ได้เลย ซึ่งตรงนี้อยากได้เครื่องมืออะไรก็สามารถลากเข้ามาได้เลย ซึ่งเครื่องมือต่างๆที่ได้ลากเข้ามานี้ จะมีข้อความนำหน้าชื่อว่า Shortcut to ซึ่งสามารถเปลี่ยนมันเป็นชื่ออะไรก็ได้
วิธีการทำ Start Menu ให้มี List ในแนวนอน
เรียก Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Ssoftware\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Explorer\Advanced] คลิกขวา เลือก New >> String Value แล้วตั้งชื่อว่า StartMenuScrollPrograms ให้ Double Click ขึ้นมาแล้วใส่ค่า Value Data เป็น False หากต้องการยกเลิก ก็เข้าไปลบ KEY ที่ได้สร้างเอาไว้ออก
ท่านใดที่กลับมาใช้ Office97 แล้วมีปัญหากับ Access
สำหรับท่านใดที่เคยลง Office 2000 และรู้สึกคุ้นเคยหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำให้ต้องการกลับมาติดตั้ง Office 97 แทน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ จะทำให้มีปัญหากับโปรแกรม Access 97 แน่นอน (แต่โปรแกรมอื่นๆสามารถใช้ได้ปกติ) คือจะมีข้อความว่า "Microsoft Access ไม่สามารถเริ่มต้นการทำงาน เนื่องจากไม่มีใบอนุญาต (License) สำหรับมันในเครื่องนี้"
วิธีแก้ไขให้ทำดังนี้ คือว่าให้ค้นหาไฟล์ที่ชื่อ hatten.ttf จากเครื่อง ซึ่งปกติไฟล์นี้จะอยู่ที่ C:\WINDOWS\FONTS นั่นเอง จากนั้นลบไฟล์นี้ทิ้ง ต่อจากนั้นให้ทำการติดตั้งโปรแกรม Microsoft Office 97 ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อความแน่นอน ก็น่าจะ Restart เครื่องด้วย คราวนี้ก็จะสามารถกลับมาใช้ Access 97 ได้อย่างไม่มีปัญหาแล้ว
วิธีการลงทะเบียนชื่อ ใน IRC อย่างถาวร
ขั้นแรกให้ใช้ Pirch Login และทำการ Connect เข้ามาให้เรียบร้อยก่อน วิธีในการลงทะเบียนคือ ให้พิมพ์คำว่า /msg nickserv register
จากในตัวอย่างนี้ ต้องการที่จะลงทะเบียนชื่อ TestRegister เอาไว้ โดยใช้ Password ว่า Test และ E-Mail คือ test@yahoo.com ก็ต้องเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น TestRegister ให้ได้ก่อน แล้วพิมพ์คำว่า /msg nickserv register
วิธีการต่อไปก็คือให้คุณทำการ Set Kill On โดยให้พิมพ์ว่า /msg nickserv set kill on จากนั้นกดปุ่ม Enter จะมีข้อความขึ้นมาว่า [NickServ] : Nickname Protection has been enabled for the nickname TestRegister ซึ่งก็หมายถึงว่า ชื่อของคุณนั้นถูกทำการ Protection เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
วิธีในการยืนยันว่าชื่อเป็นของเรา เมื่อคุณเข้า IRC มาใหม่ หลังจากที่คุณทำการลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว และทำการ Set Kill On แล้วด้วย หากคุณหรือใครๆใช้ชื่อหรือ Nickname ว่า TestRegister เข้า IRC มาในครั้งต่อไป จะมีข้อความขึ้นมาว่า
[NickServ] : This nickname is owned by someone else. Please choose another.
[NickServ] : If this is your nickname, please use /NickServ IDENTIFY
[NickServ] : You have 60 seconds to comply before your nickname is changed.
ก็คือว่า ต้องทำการยืนยันชื่อภายใน 60 seconds โดยพิมพ์ว่า /msg nickserv identify
ข้อแตกต่างของการตั้ง Set Kill On กับไม่ได้ Set
ถ้าไม่ได้ Set Kill On ไว้ เมื่อมีคนมาใช้ชื่อเรา เค้าก็จะใช้ชื่อเราได้จนกว่าเราจะมาทำการ Kill ชื่อ โดยการใส่คำสั่ง /ns ghost
สำหรับเทคนิคนี้ จะใช้กับ Server irc.webmaster.com ถ้าเป็น Microsoft irc.au.ac.th (server abac) ก็เปลี่ยนคำสั่งนิดหน่อย พิมพ์ว่า /msg nickserv register
การแก้ปัญหาลืม Password ใน WinRoute
วิธีการแก้ไขก็คือ ให้คลิกขวาที่ Icon ของ WinRoute ตรงมุมขวาล่างของหน้าจอ และเลือกไปที่ Stop WinRoute Engine จากนั้นจะเห็นว่า Icon ของ WinRoute จะเปลี่ยนไปเป็นสถานะที่มีเครื่องหมายลบสีแดงทับอยู่ ต่อจากนั้นให้เปิด Regedit และไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Kerio\WinRoute\User\0] ซึ่งเมื่อพบแล้ว ให้ลบคีย์ 0 นี้ทิ้ง จากนั้นให้คลิกที่คีย์ User และไปที่เมนู Registry >> Export Registry File เพื่อทำการ Export เก็บเป็น Registry File เอาไว้
ต่อไปให้คุณย้อนขึ้นไปคลิกที่คีย์ชื่อ WinRoute และฝั่งขวาให้มองหา AdminUserAdded เมื่อพบแล้ว ให้ดับเบิลคลิกมันขึ้นมา แล้วแก้ Value Data เป็น 0 และกด OK คราวนี้ให้คุณทำการ Start The WinRoute Engine แล้วทำการดับเบิลคลิกที่ Icon ของ WinRoute ตรงมุมขวาล่างของหน้าจอขึ้นมา เพื่อทำการ Login โดยที่ช่อง Username นั้นก็ใส่คำว่า Admin เอาไว้เหมือนเดิม ส่วนช่อง Password ปล่อยเป็นว่างๆเอาไว้ ไม่ต้องใส่อะไร และกดปุ่ม OK ได้เลย ซึ่งหลังจากกด OK ก็จะเห็นได้ว่า สามารถทำการ Login เข้าไปใช้งาน WinRoute ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องใส่ Password แต่อย่างใด
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ คราวนี้จำเป็นที่จะต้องทำการ Stop The WinRoute Engine อีกครั้ง จากนั้นไฟล์ที่เรา Export เอาไว้ ให้ดับเบิลคลิกมันและตอบ Yes และ OK ได้ทันที เรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็ให้ทำการ Start The WinRoute Engine อีกครั้ง ใช้งานได้ตามปกติ และก็จะสามารถเข้าไปใช้งาน WinRoute ในส่วนของ Admin ได้แล้ว แต่ยังไงก็อย่าลืมเข้าไปเปลี่ยนหรือกำหนด Password ต่างๆใหม่ด้วย ที่เมนู Settings >> Accounts แล้วทีนี้ก็จำไว้ดีๆ อย่าลืมอีก
ปรับขนาดซิสเต็มรีสโตร์
สามารถแก้ไขได้โดยเปิด Regedit และไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows
\CurrentVersion\StateMgr\Cfg\ReservedDiskSpace] และที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\StateMgr\ReservedDiskSpace] จากนั้นเปลี่ยนค่า Max และ Min เป็นค่าที่ต้องการโดยใช้ชนิดของข้อมูลแบบ DWORD
ปรับค่าคอนฟิคในการต่อเน็ตให้ดีที่สุด
ถ้าจะปรับแต่งค่าการรับข้อมูลของ RcvWindow และ DefaultTTL ให้ดีที่สุด ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\VxD\MSTCP] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า DefaultRcvWindow ชนิด String Value เป็น 4288 และลองหาหรือเพิ่มค่า DefaultTTL ชนิด String Value เป็น 128 จากนั้น Save แล้วออกจากโปรแกรมแล้ว Restart ใหม่
ปรับค่าเดียลอัพให้ดีที่สุด
ถ้าจะปรับแต่งค่าการรับข้อมูลของ Dialup ให้ดีที่สุด เพราะค่าของวินโดวส์ที่กำหดให้มานั้นไม่เหมาะสม ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\Class\NetTrans] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า MaxMTU ชนิด String Value เป็น 576 และลองหาหรือเพิ่มค่า MaxMSS ชนิด String Value เป็น 536 จากนั้น Save แล้วออกจากโปรแกรมแล้ว Restart ใหม่
เพิ่มค่าเซสชั่นในการเชื่อมต่อให้มากขึ้น
ในวินโดวส์นั้นกำหนดค่าสูงสุดของ HTTP Sessions ไว้จำกัดสำหรับ HTTP 1.0 เป็น 4 ซึ่งทำให้ควรเปิดหน้าต่างอินเตอร์เน็ตเอ็กพลอเรอร์ได้สูงสุด 4 หน้าต่าง แต่ถ้าใช้ HTTP 1.1 นั้นเป็น 2 ซึ่งยิ่งน้อยไปใหญ่ ถ้าคุณจะเพิ่มค่าก็ทำได้โดยเปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion
\Internet Settings] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า MaxConnectionsPerServer (สำหรับ 1.1) และ MaxConnectionsPer1_0Server (สำหรับ 1.0) เป็นค่าแบบ DWORD Value แล้วกำหนดค่าเป็น 8 ทั้งสองตัวก็ได้
ปรับแต่งรีจีสเตอร์ให้ใช้บล็อคไฟล์ที่มีขนาดดีที่สุด
ถ้าจะปรับแต่งค่าของขนาดของไฟล์ในแต่ละบล็อคที่ดีที่สุด เพราะค่าของวินโดวส์ที่กำหดให้มานั้นไม่เหมาะสม ให้เปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SYSTEM\CurrentControlSet\Control\FileSystem] แล้วลองหาหรือเพิ่มค่า ContigFileAllocSize ชนิด DWORD Value เป็น 512 สำหรับค่าแบบ Decimal หรือเป็น 200 สำหรับค่าแบบ Hex
เพิ่มแคชในการรีเฟรชหน้าจอ
เปิด Regedit [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer] ใส่ค่าสตริงใหม่ลงที่หน้าต่างด้านซ้าย โดยเลือก Edit >> New >> String Value หรือแก้ไขค่า Max Cached Icons กำหนดค่าเป็น 819
เพิ่มประสิทธิภาพดิสก์แคชแบบแมพแคช
โดยปกติวินโดว์ส 98 จะใช้ส่วนของหน่วยความจำเป็นดิสก์แคช เพื่อเพิ่มความเร็วประสิทธิภาพกับระบบที่มีเมมโมรีมากกว่า 64 MB ของหน่วยความจำ โชคร้ายที่หน่วยความจำทั้งหมดที่ไม่ใช้สำหรับแอปพลิเคชั่น และซึ่งหมายถึงหน่วยความจำของจะน้อยกว่า 64 MB ของเครื่องคอมพิวเตอร์ และหน่วยความจำจะเชื่องช้า ถ้ามีโปรแกรมมากกว่าหนึ่งในการใช้ในคราวเดียว โชคดีที่สามารถระงับความสามารถอย่างนี้โดยการแก้ไขรีจีสเตอร์วินโดว์ส
ใช้ Regedit จากนั้นให้ไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\VxD\VMM] คลิกขวาพื้นที่ว่างเปล่าในด้านขวาของวินโดว์ส และเลือก New แล้วเลือกเป็น Binary Value ใส่ MapCache และกด Enter โดยไม่ต้องใส่ค่าใดๆ
ลบค่าเก่าในคำสั่ง Find ทิ้ง
เราสามารถลบค่าเก่าใน Find ได้โดยการเปิด Regedit ขึ้นมา แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\Explorer Bars\{C4EE31F3-4768-11D2-BE5C-00A0C9A83DA1}\FilesNamedMRU] ในหน้าต่างด้านขวา ให้ลบค่าที่ไม่ต้องการออก
ลบค่าเก่าๆในคำสั่ง Run ทิ้ง
เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Explorer
\RunMRU] ที่หน้าต่างด้านขวา ลบค่าที่ไม่ต้องการออก
ลบค่าใน Address Bar เฉพาะค่าที่ต้องการไม่ลบทั้งหมด
ต้องการลบโดยปราศจากการเคลียร์ History ทั้งหมด เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\TypedURLs] และลบค่าที่ไม่ต้องการออก
เอา Task Scheduler ออก
Task Scheduler ถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติในบางเวอร์ชั่นของวินโดว์ส และยังมีเมื่อติดตั้งอินเตอร์เน็ตเอ็กพลอเรอร์ สามารถที่จะลบมันออกจากระบบดังนี้
เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\RunServices] ที่ค่า SchedulingAgent กำหนดเป็น mstask.exe เพียงลบค่าดังกล่าวออกไปเท่านั้น
เมื่อ Windows Update ไม่สำเร็จควรทำอย่าไร
วินโดวส์ ME อาจจะมีปัญหาขณะใช้ Windows Update เครื่องอาจจะค้างขณะดาว์นโหลดหรือติดตั้งมัน และบังคับให้รีสตาร์ทเครื่องใหม่ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่ทราบว่าอัพเดทเรียบร้อยดีหรือยัง แต่ไม่เป็นไร ใน Windows Update ได้สร้างค่าชุดของคอนฟิคไฟล์เรียกว่า OEMx.INF สร้างขึ้นโดยอินเตอร์เน็ตเอ็กพลอเรอร์โดยบันทึกเซกชั่นต่างๆไว้ ให้ลบไฟล์ OEMx.INF ต่างๆนี้ทิ้งไป โดยไปที่ Start >> Find Files or Folders แล้วพิมพ์ OEM*.INF ช่องชื่อไฟล์ในไดเรกทอรี่ \Windows\Inf เมื่อค้นหาหมดแล้ว ขยายหน้าต่างให้เต็มจอ หาไฟล์ INF ที่มีขนาด 0 ไบต์ แล้วลบออกให้หมด
เพิ่มความเร็วของ Register
เมื่อใช้วินโดวส์ไปแล้วรู้สึกช้าจากรีจีสตรี้ ให้ลองปรับแต่งรีจีสตรี้ด้วยตัวเอง โดยเปิดดอสพร้อมขึ้นมา แล้วพิมพ์ SCANREG /OPT จากนั้นนั่งรอวินโดวส์จะแพ็คข้อมูลให้
ปรับแต่ง Cache สำหรับ Floppy Disk
ไปที่ System Properties และคลิกแถบ Performance และคลิก File System คลิกแถบ Removable Disk และเลือกค่า Enable write-behind caching on all removable disk drives
เพิ่มประสิทธิภาพ Hard Disk
วินโดว์ 98 จะเห็นฮาร์ดดิสก์บนช่อง IDE อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพของดิสก์ โดยไปที่ System Properties จากนั้นเลือกแถบ Device Manager แล้วเปิดส่วน Hard Disk Controller จะเห็นดีไวซ์คอนโทรลเลอร์อุปกรณ์ที่ด้านบนของรายการ (ที่เขียนว่า BUS MASTER Controller) จากนั้นเลือกปุ่ม Properties และเลือกแถบ Settings จากนั้นเลือก Both IDE Channels Enabled
ให้วินโดวส์ปิดงานที่ไม่มีการตอบสนองโดยอัตโนมัติ
ถ้าต้องการให้ปิดงานที่ไม่มีการตอบสนองโดยอัตโนมัติ สามารถทำได้ดังนี้ โดยเปิด Regedit แล้วไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Control Panel\Desktop\AutoEndTasks] ให้แก้ไขค่าเป็น 1 แล้วแก้ค่า WaitToKillAppTimeout เป็นจำนวนวินาทีที่คุณต้องการ เช่นเปลี่ยนเป็น 10
ให้วินโดวส์ใช้แรมให้หมดก่อนจึงค่อยใช้ Virtual Memory มา Swap File
ไปที่ Start >> Run พิมพ์ system.ini หาบรรทัดที่มีหัวข้อว่า [386Enh] แล้วพิมพ์คำว่า ConservativeSwapfileUsage=1 ต่อท้ายบรรทัดล่างสุด วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่มีแรมมากกว่า 128 ขึ้นไป เพราะมันจะเอาพื้นที่ของ Ram ไปทำ Cache วิธีนี้ทำให้ Com เร็วขึ้น 40% เลยทีเดียว
วิธีเก็บไฟล์ Windows Update ไว้ในเครื่อง
แบบที่อัพเดทอัตโนมัติมาลงเครื่อง พอครบร้อยเปอร์เซ็นต์ จะมีกรอบมาให้ Install อย่าเพิ่ง Install ให้ไป Copy มาก่อน โดยจะซ่อนอยู่ใน Program Files ให้โชว์ All Files และก็อปโฟลเดอร์ชื่อ WindowsUpdate มาไว้ก่อน แล้วค่อย Install เพราะเมื่อ Install แล้ว วินโดว์จะลบโฟลเดอร์นี้ออกไปแบบอัตโนมัติ ไฟล์ Update นี้สามารถเอาไปลงเครื่องอื่นได้ด้วย
เคลียร์การจำการใช้งานใน Document ใน Start Menu
เราสามารถเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ผู้อื่นรู้ว่าเราใช้งานอะไรบ้าง ทำได้โดยเปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\Explorer] ที่หน้าต่างด้านขวา ให้หาหรือเพิ่มค่าชนิด DWORD Value แล้วใส่ชื่อเป็น ClearRecentDocsOnExit ดับเบิลคลิก ใส่ค่าเป็น 1
เคลียร์ Bios ด้วยการ Debug
Start >> Program >> Accesories >> MS-DOS Prompt
พอหน้าจอขึ้น C:\ ให้พิมพ์คำว่า
Debug
- o 70 2e
- o 71 ff
- q
ตั้งเวลา Shutdown ใน Windows
ใน WinMe
สร้าง ShortCut ใน Scheduled Tasks แล้วให้รัน windows/rundll.exe;user.exe,exitwindows
ใน WinXP
ใช้คำสั่ง [c:\windows\system32\]shutdown.exe [-s|-r|-l] [-t sec]
-s = shutdown
-r = restart
-l = logoff
-t = timeout
ยกตัวอย่างเช่น shutdown.exe -s -t 60 นั่นหมายความว่าให้ Shutdown โดยนับถอยหลัง 60 วินาที
Enable/Disable Registry Editor
วิธี Disable Registry
เปิด Regedit ไปที่ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System] ที่หน้าต่างด้านขวา ให้หาหรือเพิ่มค่าชนิด DWORD Value แล้วใส่ชื่อเป็น DisableRegisrtyTools ใส่ค่าเท่ากับ 1
วิธี Enable Registry
เปิด Notepad สร้างไฟล์ Enable.reg ขึ้นมา แล้วเขียนตามนี้...
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows\CurrentVersion\Policies\System]
"DisableRegistryTools"=dword:00000000
เวลาใช้ให้ Double Click ที่ไฟล์ Enable.reg แล้วกด Yes
การถอดรหัส Logon บนวินโดวส์
เข้าไปที่ C:\Windows แล้วหาไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .pwl ถ้าต้องการที่จะทำลายรหัสทิ้งไปเลย ก็ให้ลบไฟล์นี้ทิ้งไปได้เลย แต่ถ้าต้องการจะเปลี่ยนรหัสแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ก็ให้เปลี่ยนนามสกุลของไฟล์จาก .pwl เป็นชื่ออื่นๆอะไรก็ได้ แล้วเมื่อ Logon มาอีกที มันก็จะให้กรอกรหัสใหม่
ลบรายชื่อโปรแกรมที่ตกค้างใน Add/Remove หลังจากลบโปรแกรมนั้นออกจากเครื่องแล้ว
ไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Windows\CurentVersion\Uninstall] แล้วลบโฟลเดอร์โปรแกรมที่ตกค้างออก (ที่จริงเรียกว่าซับคีย์ แต่ผมเรียกเป็นโฟลเดอร์ละกัน เข้าใจง่ายดี)
** สามารถแก้ไขชื่อโปรแกรมที่จะให้แสดงใน Add/Remove ได้ด้วย โดยเลือกโฟลเดอร์โปรแกรมที่ต้องการที่หน้าต่างด้านขวา หาคีย์ชื่อ DisplayName แล้วเปลี่ยนเป็นชื่อที่ต้องการ วิธีนี้ไม่ส่งผลใดๆกับโปรแกรมนะครับ สามารถ Remove โปรแกรมได้ตามปกติ
เพิ่ม IE Auto Scan
ปกติเมื่อพิมพ์ชื่อเว็บ ถ้าโดเมนผิด IE จะหาโดเมนที่ถูกได้ โดยเป็น .com, .org, .net และ .edu แต่เราสามารถเพิ่มโดเมนให้กับ IE ได้ โดยไปที่ [HKEY_LOCAL_MACHINE\SOFTWARE\Microsoft\Internet Explorer\Main\UrlTemplate] ที่หน้าต่างด้านขวา สร้างคีย์ชนิด String Value ตั้งชื่อเป็นตัวเลขต่อจากที่มีอยู่ เช่นถ้ามีถึง 4 ก็ใส่ชื่อเป็น 5 จากนั้นแก้ไขค่าคีย์ที่สร้างขึ้นมาใหม่ ใส่เป็น www.%s.xxx ถ้าต้องการนามสกุลอื่น เช่น .gov ก็เพิ่มคีย์ใหม่ แล้วแก้ไขค่าเหมือนข้างต้น แต่เปลี่ยนส่วนขยายเป็น .gov เป็นต้น
เพิ่มรายการ Copy To และ Move To เมื่อคลิกขวาที่ไฟล์หรือโฟลเดอร์
ไปที่ [HKEY_CLASSES_ROOT\AllFilesystemObjects\shellex\ContextMenuHandlers] สร้างโฟลเดอร์หรือซับคีย์ชื่อ Copy To และ Move To
ที่หน้าต่างด้านขวาของซับคีย์ Copy To ใส่ค่า Default เป็น {C2FBB630-2971-11D1-A18C-00C04FD75D13}
ที่หน้าต่างด้านขวาของซับคีย์ Move To ใส่ค่า Default เป็น {C2FBB631-2971-11D1-A18C-00C04FD75D13}
จัดหมวดหมู่ให้มันไปอยู่แถวเดียวกับ Send To
ไปที่ [HKEY_CLASSES_ROOT\CLSID] สร้างซับคีย์สำหรับ Copy To ชื่อ {C2FBB630-2971-11D1-A18C-00C04FD75D13} ที่หน้าต่างด้านขวา ใส่ค่า Default เป็น Microsoft CopyTo Service และสร้างคีย์ชนิด DWORD Value ใส่ชื่อ flags ดับเบิลคลิก แล้วใส่ค่าแบบ Hexadecimal เท่ากับ 1
สร้างซับคีย์ย่อยจากคีย์ {C2FBB630-2971-11D1-A18C-00C04FD75D13} ชื่อ InProcServer32 ที่หน้าต่างด้านขวา ใส่ค่า Default เป็น C:\WINDOWS\SYSTEM\SHELL32.DLL และสร้างคีย์ชนิด String Value ชื่อ ThreadingModel ดับเบิลคลิก ใส่ค่าเป็น Apartment
สำหรับ Move To ก็ให้สร้างแบบเดียวกัน โดยสร้างซับคีย์จาก [HKEY_CLASSES_ROOT\CLSID] ใช้ชื่อเป็น {C2FBB631-2971-11D1-A18C-00C04FD75D13} ที่หน้าต่างด้านขวา ใส่ค่า Default เป็น Microsoft MoveTo Service นอกนั้นทำเหมือน Copy To
เพิ่มประสิทธิภาพการคลิกขวาให้ IE
เมื่อคลิกขวาที่หน้าเพจ รูปภาพ หรือข้อความที่เลือก จะมีตัวเลือกเพิ่มเข้ามาในเมนู (เลือกสร้างเฉพาะที่ต้องการได้ และไม่ต้องรีสตาร์ทก่อนใช้งาน) การสร้างนี้จะมี 2 ส่วน คือใน Registry และไฟล์ Html ขอเริ่มจาก Registry ก่อนละกัน จะได้อธิบายไปด้วยเลย
การทำ Highlight ข้อความ
เปิด Notepad พิมพ์ (หรือก็อป) เอาไปวาง
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\&Highlight]
@="C:\\WINDOWS\\WEB\\highlight.htm"
"contexts"=hex:10
แล้วเซฟ โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น Highlight.reg
บรรทัดแรกหมายถึงการสร้างคีย์ [HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\&Highlight] โดยจะสร้างเฉพาะคีย์ใหม่ ในกรณีนี้ก็คือการสร้างซับคีย์ย่อยชื่อ &Highlight เพิ่มจากคีย์ MenuExt เครื่องหมาย & หน้าตัว H หมายถึงการทำช็อตคัทคีย์ให้เมนู Highlight โดยเมื่อลากคลุมส่วนที่ต้องการแล้วคลิกขวา สามารถกดแป้นอักษร h เพื่อทำ Highlight ข้อความ สามารถเปลี่ยนได้โดยต้องไม่ซ้ำกับเมนูอื่น เช่น ต้องการเปลี่ยนเป็นช็อตคัทเป็น g ก็ใส่เป็น Hi&ghlight เป็นต้น
บรรทัดที่สอง เครื่องหมาย @ หมายถึงการสร้างคีย์ชนิด String Value ที่เป็น Default ของซับคีย์นี้ ในเครื่องหมายฟันหนูก็คือ Value Data ที่จะใส่
บรรทัดที่สามคือ การสร้างคีย์ในซับคีย์ &Highlight เช่นกัน แต่เป็นคีย์ชนิด Binary Value ชื่อ contexts มีการใส่ค่า Value Data แบบ Hexadecimal มีค่าเท่ากับ 10 (ข้อสังเกตุในการพิมพ์สำหรับคีย์ชนิดอื่น : ถ้าเป็นแบบ String Value ค่าที่ใส่มักเป็นตัวอักษร และไม่มีตัวนำหน้า ถ้าเป็นแบบ DWORD Value ใส่ค่าได้ทั้งแบบ Hexadecimal และ Decimal จะมีตัวนำหน้าค่าที่ใส่ว่า Dword หรับ Binary Value ก็คือ Hex เป็นต้น)
ส่วนต่อไปก็จะเป็นการสร้างไฟล์ Html เพื่อเขียนสคริปต์ให้สามารถใช้ได้ เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น highlight.html
** อันนี้ไม่ขออธิบายละกัน เกรงว่ามันจะยาวไป เอาเท่าที่ควรรู้ละกัน ตรงบรรทัดส่วนท้ายที่คำว่า "YELLOW" จะหมายถึงสีของข้อความที่ต้องการทำ Highlight สามารถเปลี่ยนเป็นสีที่ต้องการได้ เช่น "RED" ก็จะเป็นสีแดง ถ้าต้องการแดงเข้ม-อ่อน ก็ใส่เป็นโค๊ด เช่น "#FF4040" = แดงส้ม , "#CD3700" = น้ำตาลแดง เป็นต้น จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ Highlight.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
วิธีใช้งานและตัวอย่าง
ลากเมาส์คลุมข้อความที่ต้องการทำ Highlight แล้วคลิกขวาบนข้อความ ก็จะมีเมนูปรากฎดังรูป
ตัวอย่างการทำ Highlight ด้วยสีต่างๆ
ข้อความลิงค์ก็ทำได้ แต่การคลิกขวาให้ขึ้นเมนู Highlight ค่อนข้างลำบาก ให้เลี่ยงไปใช้ปุ่มเรียกเมนูที่อยู่ระหว่างปุ่ม Ctrl กับ ปุ่มรูปธง (อยู่ใต้ปุ่ม Shift ด้านขวา) ก็จะทำ Highlight ข้อความลิงค์ได้ ดังรูป
การย่อ-ขยายรูปบนเวบเพจ
เปิด Notepad พิมพ์
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\Zoom &In]
@="C:\\WINDOWS\\WEB\\zoomin.htm"
"contexts"=hex:02
แล้วเซฟโดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น ZoomIn.reg
เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น zoomin.html จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ ZoomIn.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
เปิด Notepad พิมพ์
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\Zoom O&ut]
@="C:\\WINDOWS\\WEB\\zoomout.htm"
"contexts"=hex:02
แล้วเซฟโดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น ZoomOut.reg
เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น zoomout.html จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ ZoomOut.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
วิธีการใช้งาน
คลิกขวาบนรูปภาพ จะมีตัวเลือกดังรูป ก็เลือกย่อ-ขยายดูตามต้องการได้เลย
การหาด้วย Google อย่างรวดเร็ว
เปิด Notepad พิมพ์
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\&Web Search]
@="C:\\WINDOWS\\WEB\\selsearch.htm"
"contexts"=hex:10
แล้วเซฟโดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น search.reg
เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น selsearch.html จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ search.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
** ถ้าต้องการหาด้วยตัวอื่น ก็ให้เปลี่ยนตรง http://www.google.com/search?q เป็น
http://search.yahoo.com/search?p ของ Yahoo
http://www.siamguru.com/cgi-bin/search?q ของ Siamguru
วิธีใช้
ลากเมาส์คลุมข้อความที่ต้องการหาด้วย Google คลิกขวาเลือก Web Search ก็จะเปิดหน้าต่างใหม่พร้อมแสดงผลการค้นหา
แสดงลิงค์ URL และ ลิงค์รูปภาพ
ตัวอย่างการเลือก Images List จากหน้าแรกของบอร์ด
เปิด Notepad พิมพ์
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\I&mages List]
@="C:\\WINDOWS\\Web\\imglist.htm"
"contexts"=hex:01
แล้วเซฟโดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น ImageList.reg
เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น imglist.html จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ ImageList.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
ตัวอย่างการเลือก Link List จากเวบ http://softoroom.com/
เปิด Notepad พิมพ์
REGEDIT4
[HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Internet Explorer\MenuExt\&Links List]
@="C:\\WINDOWS\\WEB\\urllist.htm"
"contexts"=hex:01
แล้วเซฟโดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่ออะไรก็ได้ *.reg เช่น LinkList.reg
เปิด Notepad พิมพ์
แล้วเซฟไว้ที่ C:\WINDOWS\WEB โดยเลือกในช่อง Type เป็น All Files ตั้งชื่อเป็น urllist.html จากนั้นดับเบิลคลิกไฟล์ LinkList.reg ที่สร้างขึ้น ตอบ Yes
13 เมษายน 2547
BY : [UrL]http://www.justusers.net/articles/utilities/registry/registry.htm[/UrL]
++++++++++++++++++++
ทำการลง Driver ของอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่มีมาให้สำหรับ Windows XP โดยเฉพาะ
สำหรับท่านที่ใช้งาน Windows XP นั้น ความจริงหลังจากที่ลง Windows ใหม่ ๆ แล้ว อุปกรณ์บางตัว อาจจะสามารถ ทำงานได้เลย โดยไม่ต้องมานั่งลง Driver ให้ยุ่งยาก แต่เพื่อให้อุปกรณ์ต่าง ๆ นั้น สามารถทำงานได้ อย่างเต็มประสิทธิภาพ มากขึ้น ขอแนะนำให้ทำการลง Driver ของอุปกรณ์แต่ละตัวไปอีกครั้งด้วย จะช่วยลดปัญหาต่าง ๆ ในการใช้งานได้มาก
การปรับแต่ง Performance ของระบบให้ทำงานได้เร็วขึ้น
เป็นการตั้งค่า Virtual Memory ของระบบที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Performance กดที่ปุ่ม Settings >> Advanced และด้านล่างเลือกกดที่ปุ่ม Change จะได้ตามภาพ
ทำการเปลี่ยนค่าของ Virtual ให้เป็นแบบ Custom size และกำหนดไว้ที่ 512-512 ตามภาพแล้วกด OK จากนั้นเครื่องจะทำการ Restart ใหม่ครั้งหนึ่งก่อนครับ
การปรับแต่ง Startup and Recovery ของระบบวินโดวส์
เป็นการกำหนดขั้นตอน เมื่อระบบวินโดวส์เริ่มต้นทำงาน และการกำหนดการกระทำ เมื่อมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นให้เหมาะสม โดยทำการคลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในช่อง Startup and Recovery กดที่ปุ่ม Settings จะได้ตามภาพ
ทำการยกเลิกการเครื่องหมายถูกใต้ช่อง System failure ออกให้หมด (สำหรับเครื่องหมายถูกด้านบนใต้ช่อง system startup ให้ปล่อยไว้ตามเดิม เนื่องจากเป็นการกำหนดการเลือกบูต Windows แบบหลายระบบ หรือถ้าหากเครื่องนั้น ลงระบบ Windows ไว้แค่ตัวเดียว ไม่ได้ใช้ลูกเล่นนี้ก็เอาออกไปได้เช่นกันครับ) จากนั้นก็กด OK ครับ
การปรับแต่งระบบรายงานข้อผิดพลาดหรือ Error Reporting
เป็นการกำหนดวิธีการรายงานข้อผิดพลาด ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้งานอะไร ก็จัดการยกเลิกการทำงานส่วนนี้ซะเลย โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ที่ด้านล่าง ให้กดที่ปุ่ม Error Reporting จะได้ตามภาพ
ทำการเลือกที่ช่อง Disable error reporting ตามภาพแล้วกด OK ครับ
ปิดการทำงานของ System Restore เพื่อไม่ให้เปลืองพื้นที่ของฮาร์ดดิสก์
เป็นการปิดการทำงานของระบบ System Restore หรือระบบย้อนเวลากลับของ Windows เช่น ถ้าหากเรามีการติดตั้ง ซอฟต์แวร์ลงไปในเครื่อง แล้วเกิดเปลี่ยนใจหรือว่าซอฟต์แวร์ตัวนั้น ไปสร้างปัญหาให้กับระบบ เราก็สามารถย้อยเวลากลับไป ณวันที่หรือเวลาที่เราต้องการได้ แต่เนื่องจากการที่จะสามารถ ย้อนเวลากลับไปได้นั้น Windows จะต้องใช้พื้นที่บน ฮาร์ดดิสก์ ส่วนหนึ่ง ในการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ไว้ด้วย ตรงนี้แหละครับที่เรียกว่า System Restore ซึ่งถ้าหาก ไม่ต้องการ ใช้งานระบบในส่วนนี้ ก็จัดการปิดการทำงานไปซะดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก System Restore ตามภาพ
ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ช่อง Turn off System Restore on all drive แล้วกด OK ครับ
การตั้งให้ปิดระบบการทำงานของ Auto Update ไปเลยดีกว่า
เป็นการตั้งให้ระบบการอัพเดตไฟล์หรือ Patch ต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์ของ microsoft แบบอัตโนมัติไม่ทำงาน เนื่องจาก ถ้าหากมีการตั้ง Auto Update นี้ไว้ จะทำให้เมื่อเล่นอินเตอร์เน็ตแล้ว จะมีการเช็คหรือตรวจสอบอยู่บ่อย ๆ รวมถึงในบางครั้ง อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ Windows ต่อเน็ตเองด้วย ซึ่งหากเราต้องการที่จะทำการอัพเดตจริง ๆ ก็สามารถสั่งเองได้เช่นกัน โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Automatic Updates ตามภาพ
เอาเครื่องหมายถูกหน้าช่อง Keep my computer up to date... ออกไปและกด OK ครับ
การปิดการทำงานของระบบ Remote Desktop
เป็นการปิดการทำงานของการใช้งาน Remote Desktop หรือการทำ Remote จากเครืองคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยปกติเราจะไม่ได้มีการใช้งานส่วนนี้อยู่แล้ว ปิดไปเลยดีกว่าครับ โดยทำการ คลิกเมาส์ขวาที่ My Computer บนหน้า Desktop เลือก Properties และเลือก Remote
เอาเครื่องหมายถูกออกไปให้หมดเหมือนภาพด้านบน และกดที่ปุ่ม OK ครับ
++++++++++++++++++++++++++
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น